ตอนที่25 เลขซ้ำคือความมงคล โกะเสคกุ ของญี่ปุ่นคืออะไร
เมื่อวนมาถึงวันเลขเบิ้ลสิ่งพวกเราทำกันก็คงจะเป็นคอยเช็คตามเว็บออนไลน์ช็อปปิ้ง หรือ ร้านประจำของเราว่ามีโปรโมชั่น หรือ ส่วนลดอะไรที่น่าสนใจบ้าง และก็อาจจะเป็นวันที่ทำให้ใครหลายๆคนเสียเงินกันแน่ๆ
แต่รู้หรือไม่ว่าวันที่เลขวันกับเดือนซ้ำกันนี้ทางฝั่งจีนและญี่ปุ่นเองก็คือเป็นวันมงคลมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว โดยวันพวกนี้จะเรียกว่าโกะเสคกุ (五節句) นั่นเอง ซึ่งวันที่คุ้นเคยกันดีอย่างวันเด็กชาย-หญิง หรือวันทานาบะตะเองเดิมที่แล้วก็ถูกต่อยอดมาจากโกะเสคกุเหมือนกัน
วันนี้เรามาทำความรู้จักกับวันเลขซ้ำพวกนี้กันว่าเมื่อก่อนเขาทำอะไรกัน และตอนนี้เปลี่ยนไปยังไงแล้ว
Creditภาพ: https://www.alsok.co.jp/person/recommend/2042/
โกะเสคกุแบบดั้งเดิม
ก่อนอื่นเลยความเชื่อเรื่องวันเลขซ้ำนี้ก็ไม่ได้มาจากใครอื่นนอกจากจีนแผ่นดินใหญ่ (the theory of yin-yang and the five elements) ที่ถูกส่งผ่านมาญี่ปุ่นมาหลายร้อยปีแล้ว ซึ่งจะมีอยู่ 5 วันคือ 7 มกราคม , 3 มีนาคม 5 พฤษภาคม , 7 กรกฎาคม และ 9 กันยายน (นอกจากเดือนมกราแล้วจะเป็นเลขคี่ที่ซ้ำ)
วันเหล่านี้ถ้าสังเกตุดีๆแล้วแต่ละวันจะเป็นวันที่เป็นรอยต่อของแต่ละฤดูกาลของปี และชาวจีนสมัยก่อนจะเชื่อว่าเป็นช่วงที่มีโอกาสที่สิ่งไม่ดีจะเข้ามาบ้านหรือที่อยู่อาศัยนั่นเองรัฐบาลระบอบทหารของญี่ปุ่นในสมัยเอโดะก็ได้หยิบเอาหลักการนี้มาตั้งเป็นวันที่ใช้จัดพิธีต่างๆเพื่อความเป็นสิริมงคลของบ้านเมืองด้วย โดยแต่ละวันก็จะมีธรรมเนียมการทานของที่เหมาะกับช่วงนั้นๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะทานเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงพร้อมรับอากาศที่กำลังเปลี่ยนนั่นเอง เช่น
วันที่ 7 มกราคม จะมีการทานข้าวต้มที่ใส่สมุนไพร 7 ชนิด (นานะคุสะกายุ 七草がゆ)
วันที่ 5 พฤษภาคม ทานคาชิคาวะโมจิ (โมจิห่อใบโอ๊ค)
วันที่ 9 กันยายน ทานอาหารหรือเหล้าที่มีส่วนประกอบเป็นดอกเดซี่ (ดอกคิคุ ในภาษาญี่ปุ่น) เป็นต้น
โกะเสคคุที่เปลี่ยนไปในตอนนี้
อย่างที่เล่าไปว่า โกะเสคคุ ในตอนนี้ได้ถูกได้เปลี่ยนไปจากเดิมแล้วจากยุคสมัยที่เปลี่ยนไปตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองรัฐบาลญี่ปุ่นได้มีการจัดระเบียบปฏิทินใหม่ให้ร่วมสมัยและเชื่อมโยงกับชีวิตของผู้คนมากขึ้น (จากเดิมจะให้ความสำคัญกับชนชั้นปกครองมากกว่า) และได้เติมความหมายให้บางวันมากขึ้น วันในกลุ่มของโกะเสคคุเองก็มี วันที่ 3 มีนา และ 5 พฤษภาก็ถูกเติมว่าเป็นวันเด็ก และวันเด็กผู้หญิง ด้วย
สำหรับรายละเอียดของวันเด่นๆที่เรารู้จักกันดีนั้นจะมาเล่าต่อกันในครั้งต่อๆไป