ตอนที่21 เกียวโตเมืองเรียบๆ ที่ไม่ตรงไปตรงมา
ในวันนี้กลับมากับเรื่องของเกียวโตอีกครั้ง เนื่องจากผู้เขียนได้มีโอกาสอาศัยที่อยู่เมืองนี้เป็นระยะเวลา 4 ปี จึงมีเรื่องราวที่อยากจะถ่ายทอดเยอะเป็นพิเศษ
มาเริ่มกันเลย
อย่างที่รู้กันว่าเกียวโตเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประวัติศาสตร์ หรือ วัฒนธรรมเก่าต่างๆที่ยังเหลือมาอยู่ทุกวันนี้
และแน่นอนว่าไม่ได้มีแค่ด้านที่ดีเสมอไป บางครั้งความภาคภูมิใจของสิ่งเหล่านี้ก็ทำให้ชาวเกียวโตแท้ๆมองผู้มาเยือน นักท่องเที่ยว หรือแม้กระทั่งคนญี่ปุ่นด้วยกันเองที่มาจากต่างที่เป็นสิ่งแปลกแยก และไม่ค่อยอยากจะให้มาเป็นส่วนเดียวกันกับพวกเขาเท่าไหร่
creditภาพ: https://www.neverendingvoyage.com/things-to-do-in-kyoto-japan/
หนึ่งในนั้นก็คือวัฒนธรรมที่เรียกว่า อิจิเก็นซังโคโตวาริ (一見さん断り) หรือก็คือ การไม่ต้อนรับลูกค้าขาจรของบางร้านในเมืองเกียวโตนั่นเอง
โดยการที่จะเข้าไปในร้านเหล่านี้ได้จะต้องเป็นคนที่ได้รับการแนะนำจากลูกค้าขาประจำ หรือ ตัวเจ้าของร้านเองเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นบางร้านยังไม่ต้อนรับชาวต่างชาติอีกด้วย โดยลูกค้าขาประจำเองก็มีการแบ่งระดับจากระดับธรรมดาไปจนถึง VIP กันเลย ซึ่งจะขึ้นอยู่กับว่ามาบ่อยแค่ไหน และ สนิทกับเจ้าของร้านมากแค่ไหน หรือคนที่แนะนำร้านเป็นใคร
แน่นอนว่าการบริการก็เปลี่ยนไปตามระดับของลูกค้าด้วย แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ถูกเลือกแล้วล่ะก็ทางร้านก็จะบริการแบบจัดเต็มเลยทีเดียว นอกจากเรื่องการบริการแล้วร้านส่วนใหญ่ก็จะมีเมนูขึ้นชื่อของแต่ละร้านและเป็นรสชาติที่หาทานไม่ได้ทั่วไป
creditภาพ: https://meaning-book.com/blog/20180921140115.html
ว่ากันว่าวัฒนธรรมแบบนี้มีไว้เพื่อป้องกันปัญหาต่างๆที่จะเกิดขึ้นจากลูกค้า รวมถึงการรักษาบรรยากาศของร้านเอาไว้ เนื่องจากร้านส่วนใหญ่จะเป็นร้านที่เน้นการบริการพร้อมกับอาหารราคาแพงมากๆ นั่นเอง
แต่หากมองอีกมุมก็เหมือนเป็นการกีดกัน หรือ การแบ่งแยกที่อาจจะรุนแรงเกินไปในยุคปัจจุบัน คนญี่ปุ่นเองก็มีบางคนที่ไม่ค่อยชอบวัฒนธรรมสไตล์เกียวโตแบบนี้ ถึงขนาดมีคนเขียนหนังสือที่เกี่ยวกับการการรับมือกับชาวเกียวโต หรือ สิ่งที่ควรรู้ก่อนจะไปเที่ยวเกียวโตออกมาขายกันเยอะมาก
อย่างไรก็ตามร้านแบบนี้ในปัจจุบันก็ถือว่าลดจำนวนไปเยอะแล้ว ยิ่งเป็นช่วงวิกฤติการณ์โควิดแบบนี้จึงทำให้ร้านเหล่านี้ต้องปรับตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่อย่างหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยก็คือเพราะยังมีวัฒนธรรมที่สุดโต่งเหล่านี้อยู่จึงทำให้เกียวโตยังคงเป็นเกียวโตที่เราเห็นกันในปัจจุบัน